ประเพณีท้องถิ่นชลบุรี
ประเพณีแห่พญายม
ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี อำเภอศรีราชา เป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดชลบุรี
ที่มีพื้นที่ติดต่อกับอำเภอเมืองชลบุรี มีเนื้อที่ประมาณ ๖๔๓.๕๕๘ ตารางกิโลเมตร
(๔๐๒,๒๒๓.๗๕ ไร่) พื้นที่การเกษตร ๒๓๖,๕๔๒.๕
ไร่ คิดเป็นร้อยละ ๔๑.๘๗๘ ของพื้นที่ทั้งหมด ระยะทางห่างจากเมืองชลบุรี โดยรถยนต์
๒๔ กิโลเมตร พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ลาดเนินเขาเล็ก ๆ กระจายทั่วไปพื้นที่เหมาะ
แก่การทำการเกษตร และอุตสาหกรรม มีที่ราบลุ่มทำนาได้บางส่วน ทิศตะวันตกติดชายฝั่งทะเล
และไม่มีแม่น้ำลำคลองขนาดใหญ่ไหลผ่านจะมีเฉพาะทางน้ำไหลจากภูเขาลงสู่ทะเล
ประเพณีแห่พญายม เป็นประเพณีเก่าแก่ของตำบลบางพระ ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายตำบลของอำเภอศรีราชา
มีการปฏิบัติโดยการสร้างหุ่นพญายม และแห่ไปลอยทะเลในเวลาโพล้เพล้ โดยมีความเชื่อถือว่าพญายมจะนำโรคภัยไข้เจ็บและเคราะห์ร้ายต่าง
ๆ ไปด้วย จากการปฏิบัติสืบต่อกันมาเป็นระยะเวลานานหลายหน่วยงานเริ่มเห็นความสำคัญของ
การแห่พญายมและเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรม ซึ่งเทศบาลตำบลบางพระเห็นความสำคัญของประเพณีแห่พญายมนี้
เนื่องจากเห็นว่าประเพณีแห่พญายมเป็นเอกลักษณ์ของชาวบางพระ มีจุดเด่นที่เป็นประเพณีที่ก่อให้เกิดการรวมพลังและรวมจิตใจของชุมชนอย่าง
แท้จริง เช่นเดียวกันกับประเพณีกองข้าวของศรีราชา เป็นเสมือนวัฒนธรรมพื้นบ้านที่สืบต่อกันมาเป็นเวลานาน
ดังนั้นในวันไหลสุดท้ายขิงตรุษสงกรานต์ (ซึ่งถือเป็นวันปีใหม่ของไทย) ชาวบ้านจะพากันแห่พญายมที่ทำง่าย
ๆ จากโครงไม้ไผ่ฟางข้าว และกระดาษแต่งแต้มด้วยดินสอพองหรือดินหม้อให้แลดูเป็นองค์ปัจจุบันมีวิธีการ
ประณีต ทำรูปพญายมอย่างงดงาม นำไปปล่อยในทะเลลึกเป็นอันเสร็จพิธี
ประเพณีตักบาตรข้าวต้มหาง
ในวันตักบาตรเทโวของทุกปี (หลังวันออกพรรษา ๑ วัน)พุทธศาสนิกชนจะร่วมกันนำข้าวสารอาหารแห้ง
ไปทำบุญตักบาตรแด่พระสงฆ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ณ วัดเขาบางทราย อำเภอเมืองชลบุรี
จะมีพุทธศาสนิกชนมาร่วมงานจำนวนมาก สำหรับในจังหวัดชลบุรีนิยมนำข้าวต้มหางไปทำบุญตักบาตรลักษณะคล้ายข้าวต้มมัด
แต่ห่อให้มีขนาดเล็กกว่า ไว้หางยาวเพื่อความสะดวกในการใส่บาตร เนื่องจากในวันดังกล่าวมีพุทธศาสนิกชนจำนวนมากมารอตักบาตร
เมื่อตักบาตรไม่ถึงก็จะใช้วิธีโยนข้าวต้มหางใส่บาตร ภาคกลางจึงเรียกข้าวต้มลูกโยน
ประเพณีแข่งเรือยาว
พื้นที่อำเภอบางละมุง
จังหวัดชลบุรี มีอ่างเก็บน้ำมาบประชันซึ่งเป็นแหล่งเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นเพื่อรอง
รับน้ำสำหรับการบริโภคและอุปโภคของประชาชนในพื้นที่และในแหล่งท่องเที่ยว เมืองพัทยา
โดยบริเวณพื้นที่ริมอ่างเก็บน้ำมีบรรยากาศร่มรื่น ประชาชนได้ร่วมกันปลูกต้นไม้จนเติบโตเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ
ในน้ำก็เป็นแหล่งเพาะขยายพันธุ์สัตว์น้ำที่ชาวบ้านได้อาศัยจับปลาด้วย เครื่องมือประมงพื้นบ้านเป็นอาหารสำหรับครัวเรือน
การแข่งขันเรือยาวเป็นกีฬาพื้นบ้านของไทยมาตั้งแต่อดีตเมื่อสมัยอยุธยาเป็น
ราชธานี ถือว่าเป็นราชพิธีประจำเดือนในช่วงปลายฤดูฝน การแข่งขันเรือยาว จึงได้สืบทอดมาเป็นประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย
แสดงถึงวิถีชีวิตความสนุกสนาน ความสามัคคี ซึ่งเห็นได้จากที่มีการจัดให้มีประเพณีแข่งขันเรือยาวทุกภาคของไทย
การบรวงสรวงก่อนการแข่งขันเรือยาวพัทยา
เทศบาลเมืองหนองปรือและเทศบาลตำบลโป่ง จัดให้มีประเพณีการแข่งขันเรือยาวพัทยา โดยจัดขึ้นเป้นครั้งแรกเมื่อปี
๒๕๔๔ และได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา
ฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานถ้วยรางวัล การแข่งขัน และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี
พระวรราชาทินัดดามาตุ ประทานถ้วยรางวัลการแข่งขัน เพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคล
พิธีบรวงสรวงก่อนเริ่มงานจึงมีขึ้น สำหรับเวลาที่จะกระทำมักจะดำเนินการก่อนบ่ายของวันจัดงานการแข่งขันเรือยาว
ประเพณี (เดือนพฤศจิกายนของทุกปี) สำหรับปี ๒๕๕๕ ผู้ทำพิธีกรรม คือ นายอเนก
พัฒนงาม ประธานสภาวัฒนธรรมเมืองพัทยา สถานที่ประกอบพิธีอ่างเก็บน้ำมาบประชัน
สำหรับเครื่องบูชามีอาหารคาว –หวาน –ผลไม้ต่าง
ๆ
มวยตับจาก
มวยตับจาก เป็นกีฬาพื้นบ้านยอดนิยมของภาคตะวันออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดชลบุรี เพราะเนื่องจากมีการปลูกจากเป็นจำนวนมากแต่ในปัจจุบันกีฬาประเภทนี้สูญหายไป ด้วยเหตุที่ป่าจากลดน้อยลง อุปกรณ์ที่ใช้ในการแข่งขัน คือใบจากแห้งจำนวนมาก เพื่อปูให้ทั่วพื้นเวทีและเชือกสำหรับขึงเวที นักมวยทั้งคู่จะถูกผูกตาด้วยผ้าและจับให้อยู่คนละมุม มีกรรมการอยู่บนเวที ๑ คน จากนั้นเมื่อมีสัญญาณเริ่มชก นักมวยจะเดินออกจากมุมเพื่อหาคู่ต่อสู้ของตน กติกาการต่อย คือใครต่อยเข้าเป้ามากที่สุดก็จะได้คะแนน ใครได้คะแนนมากจะเป็นฝ่ายชนะ ชก ๓ ยก ยกละ ๒ นาที มวยตับจาก จัดเป็นกีฬาพื้นบ้านที่เสริมสร้างไหวพริบในการฟังเสียงได้เป็นอย่างดีจึง เป็นที่น่าเสียดายว่ากีฬาประเภทนี้ได้สูญหายไปแล้วตามกาลเวลาที่ผ่านมา
ประเพณีทำบุญก่อพระทรายน้ำไหล
หรือที่ชาวบ้านโดยทั่วไปเรียกกันว่า ประเพณี “วันไหล” เป็นประเพณีของชุมชนตำบลแสนสุข
อำเภอเมืองชลบุรี และชุมชนอำเภอเกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี
ซึ่งถือปฏิบัติสืบทอดกันมาหลายชั่วคน จนกระทั่งปัจจุบันด้วยเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดีงามมีคุณค่าต่อชุมชน
ปัจจุบันเทศบาลตำบลแสนสุข กำหนดเป็นนโยบายที่จะอนุรักษ์ ส่งเสริม ประเพณี ทำบุญก่อพระทรายนํ้าไหล
ให้คงอยู่สืบทอดเป็นมรดกทางวัฒนธรรมแก่ชุมชนสืบไป ทั้งยังคาดหวังว่าประเพณีทำบุญก่อพระทรายนํ้าไหลนี้จะช่วยดึงดูดนักท่อง
เที่ยวมาสู่พื้นที่เทศบาลตำบลแสนสุขได้อีกทางหนึ่งด้วย
จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นชุมชนชายฝั่งทะเล ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพด้านการประมง
มีความเชื่อและความผูกพันกับทะเลในเทศกาลสงกรานต์ชาวไทยทั้งประเทศมีประเพณี ทำบุญสร้างกุศล
แสดงความกตัญญู-กตเวทิตาต่อ บิดา มารดา ญาติผู้ใหญ่ และผู้อาวุโส
ด้วยการทำบุญตักบาตร รดนํ้าขอพรจากผู้ใหญ่ และสนุกสนานรื่นเริงด้วยการละเล่นพื้นบ้าน
และรดนํ้าสงกรานต์กันนั้น ชาวบ้านตำบลแสนสุข อำเภอเมืองชลบุรีและชาวอำเภอเกาะสีชัง
ก็มีประเพณีการทำบุญตักบาตรสรงนํ้าพระพุทธรูป รดนํ้าขอพรผู้ใหญ่ ก่อพระทราย และเล่นสงกรานต์นํ้าไหลกันที่หาดทรายชายฝั่งทะเล
ประเพณีทำบุญก่อพระทรายนํ้าไหลนี้ จัดขึ้นภายหลังวันสงกรานต์ประมาณ
๕ - ๗ วัน กล่าวคือ หลังจากที่พุทธศาสนิกชนชาวตำบลแสนสุข อำเภอเมืองชลบุรี และชาวอำเภอเกาะสีชัง
ไปทำบุญวันสงกรานต์ที่วัดแล้วทางวัดก็จะกำหนดนัดหมายกันไปทำบุญกลางแจ้งที่ ชายหาดริมmะเล และประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน ดังนั้นวันประเพณีทำบุญก่อพระทรายนํ้าไหลของแต่ละชุมชนจึงอาจจะไม่ตรงกัน
เช่น ที่ชายหาดบางแสนอาจจะกำหนดหลังวันสงกรานต์ ๕ วัน หาดวอนนภากำหนดหลังวันสงกรานต์
๖ วัน เกาะสีชัง กำหนดหลังวันสงกรานต์ ๗ วัน ก็ได้ เป็นต้น
เกือบทศวรรษที่ผ่านมา เทศบาลตำบลแสนสุขมีนโยบายอนุรักษ์ และส่งเสริมประเพณีก่อพระทรายนํ้าไหลให้คงอยู่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชุมชน
ต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น